Shopping Cart

No products in the cart.

ฟ้องได้หรือไม่ได้⁉️ ทำความเข้าใจกรณีสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา

แบ่งปันเพื่อนๆ หรือ แชร์เก็บไว้ดูเอง

ในแวดวงการบริหารงานบุคคล หนึ่งในประเด็นที่สร้างความสับสนและข้อพิพาทระหว่างนายจ้างและลูกจ้างคือเรื่องของ “สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา” ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย หลายครั้งที่เมื่อลูกจ้างมีการฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยหลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง มีการตั้งคำถามว่า การยุติสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาถือเป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายหรือไม่ และลูกจ้างสามารถฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยได้หรือไม่?

ในบทความนี้ แองจี้จะยกกรณีตัวอย่างของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินซึ่งทำสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาเพื่ออธิบายหลักการและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องในลักษณะนี้ โดยจะครอบคลุมถึงการวิเคราะห์กฎหมายและคำแนะนำสำหรับทั้งนายจ้างและลูกจ้างในเรื่องของสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา

การทำสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา: หลักการและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง

สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาคืออะไร?

สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาเป็นข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่ระบุช่วงเวลาการจ้างงานอย่างชัดเจน โดยมีการกำหนดวันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดของการจ้างงาน ในกรณีนี้ สัญญาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในงานที่มีระยะเวลาการทำงานที่แน่นอนหรือมีลักษณะชั่วคราวเท่านั้น เช่น งานตามโครงการเฉพาะ งานตามฤดูกาล หรืองานที่ทำเป็นครั้งคราว

ข้อกำหนดและเงื่อนไขทางกฎหมาย

สำหรับข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา นายจ้างต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขทางกฎหมายที่ระบุไว้ โดยหากสัญญาจ้างได้ตกลงและกำหนดระยะเวลาการจ้างงานอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น นายจ้างไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยหากสัญญาสิ้นสุดลงตามเงื่อนไขที่ระบุไว้

อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ต้องพิจารณาเพื่อให้สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาเป็นไปตามกฎหมาย

#ฟ้องได้หรือไม่ได้ กรณีศึกษา: พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

ลูกจ้างเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา แต่เมื่อถึงเวลาต่อสัญญาลูกจ้างปฏิเสธ หลังสัญญาสิ้นสุดลูกจ้างทำการฟ้องเรียกค่าชดเชยและดอกเบี้ยเพราะมองว่าการที่สัญญาจ้างยุติ=การเลิกจ้างตามกฎหมาย

คำถามที่เกิดขึ้นคือ ลูกจ้างสามารถฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยได้หรือไม่?

คำตอบในกรณีนี้ชัดเจนว่า ลูกจ้างไม่สามารถฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยได้ เนื่องจากสัญญาจ้างที่ทำขึ้นระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเป็นสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา และการสิ้นสุดสัญญาจ้างในกรณีนี้ถือเป็นการสิ้นสุดตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา ไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ต้องมีการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย

สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาทุกประเภทหรือไม่ที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย?

ถึงแม้ว่าสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาส่วนใหญ่จะไม่ต้องมีการจ่ายค่าชดเชยเมื่อต้องสิ้นสุดสัญญาตามที่ตกลงกันไว้ แต่ยังมีเงื่อนไขที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม กล่าวคือ สัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาจะต้องอยู่ในขอบเขตของประเภทงานที่กฎหมายอนุญาตให้ทำสัญญาในลักษณะนี้ได้

ประเภทงานที่สามารถทำสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาได้มีดังนี้:

  1. งานตามโครงการที่ไม่ใช่ปกติธุรกิจของนายจ้าง: งานที่เป็นโครงการพิเศษที่มีการกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจน เช่น งานก่อสร้างโครงการ งานวิจัย หรือการพัฒนาโครงการเฉพาะ ซึ่งไม่ใช่งานที่นายจ้างทำเป็นปกติในธุรกิจของตน
  2. งานตามฤดูกาล: งานที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลหรือลักษณะงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา เช่น งานเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร หรือการท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่มีการจ้างงานชั่วคราวตามฤดูกาล
  3. งานที่ทำเป็นครั้งคราว: งานที่มีการกำหนดระยะเวลาแน่นอนและไม่เกิน 2 ปี เช่น งานจัดอีเวนต์ งานแสดงสินค้า หรืองานที่เกิดขึ้นในโอกาสพิเศษและไม่สามารถทำได้ตลอดทั้งปี

ในกรณีที่งานดังกล่าวไม่เข้าข่ายตามประเภทงานที่กำหนดในกฎหมาย การทำสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาจะต้องมีการจ่ายค่าชดเชยเมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้าง หรือเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง

คำแนะนำสำหรับนายจ้างและลูกจ้างเพื่อป้องกันปัญหาและข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับนายจ้าง

  1. จัดทำสัญญาจ้างที่ชัดเจน: นายจ้างควรมีการจัดทำสัญญาจ้างที่ชัดเจนในเรื่องของระยะเวลา ลักษณะงาน และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง
  2. สื่อสารกับลูกจ้างอย่างชัดเจน: นายจ้างควรสื่อสารกับลูกจ้างเกี่ยวกับสัญญาจ้างและเงื่อนไขการจ้างงานอย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกจ้างเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองอย่างถูกต้อง
  3. ปฏิบัติตามกฎหมาย: นายจ้างควรปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการฟ้องร้องและข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับลูกจ้าง

  1. ศึกษาสัญญาจ้างอย่างละเอียด: ลูกจ้างควรอ่านและทำความเข้าใจในสัญญาจ้างอย่างละเอียดก่อนลงนาม โดยควรตรวจสอบว่าลักษณะงานและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาเป็นไปตามกฎหมายแรงงานหรือไม่
  2. เก็บรักษาสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง: ลูกจ้างควรเก็บรักษาสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้อย่างดี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องหรือข้อขัดแย้งในอนาคต
  3. สอบถามหากมีข้อสงสัย: หากลูกจ้างมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในเงื่อนไขของสัญญาจ้าง ควรสอบถามนายจ้างหรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแรงงาน

บทสรุป

การทำสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาเป็นเรื่องที่นายจ้างและลูกจ้างต้องให้ความสำคัญ โดยการเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหาและข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น สำหรับกรณีศึกษาของพนักงานต้อนรับ

บนเครื่องบินที่ได้ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างในบทความนี้ แสดงให้เห็นว่าการฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยในกรณีสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาอย่างชัดเจน

แองจี้หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างมีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลาและสิทธิหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แองจี้ยินดีให้คำแนะนำและช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นค่ะ

📌อย่าลืมติดตามเพจ HR Solutions By Angie เพื่อรับข้อมูลและเคล็ดลับดีๆ สำหรับ HR รุ่นใหม่กันนะคะ

#HRSolutionsByAngie #HR #HRSolutions #กฎหมายแรงงาน

แบ่งปันเพื่อนๆ หรือ แชร์เก็บไว้ดูเอง

Leave a Reply