ในยุคที่หลายอย่างรอบตัวเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายครั้งก็เป็นเรื่องดี แต่หลายครั้งก็เป็นเรื่องวิกฤตที่จะมากระทบต่อองค์กรของเรา แองจี้ขอยกตัวอย่างกรณี โควิด-19 ที่เป็นวาระใหญ่ระดับโลกตั้งแต่ปี 2019-2023 ค่ะ เพราะองค์กรของแองจี้เองก็ได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมากเช่นกัน ทั้งการประกาศหยุดกิจการชั่วคราว รายได้ไม่เพียงพอค่าใช้จ่ายประจำ ทำให้มีผลต่อพนักงานในด้านต่างๆ เช่น ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ให้ลาหยุดแบบไม่ได้รับค่าจ้าง เป็นต้น แต่ทุกท่านเชื่อไหมคะว่า องค์กรของแองจี้สามารถนำพนักงานกลับมาได้เกือบ 100% ในปี 2023 ที่เราได้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกตินี้
สิ่งที่องค์กรของแองจี้ทำไม่ใช่เรื่องยาก หรือยิ่งใหญ่อะไรมากมายค่ะ แต่ทั้งหมดคือความใส่ใจ การให้ความสำคัญกับบุคลากรภายในองค์กรของเรา ซึ่งแองจี้ได้สรุปมาให้ทุกท่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย 4 ข้อด้านล่างค่ะ
1. การดูแลพนักงาน
การดูแลพนักงานคือกุญแจสำคัญเลยค่ะที่จะทำให้พนักงานจงรักภักดีต่อองค์กร หากเราดูแลเขาเป็นอย่างดี ไม่ว่าองค์กรจะเกิดอะไรขึ้นเขาย่อมยินดีช่วยเหลือเราค่ะ
2. การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา
เมื่ออยู่ในสถานการณ์วิกฤต แน่นอนว่าไม่ใช่แค่องค์กรที่เกิดความกังวลค่ะ พนักงานเองก็รู้สึกเช่นกัน พวกเขาย่อมกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน การทำงานของตัวเอง ฉะนั้นองค์กรจึงต้องสื่อสารกับพนักงานอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ
3. การปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม
ถ้าเป็นสถานการณ์วิกฤตเฉกเช่น โควิด-19 เราคงจำได้ว่าทุกสัปดาห์ ทุกเดือนมีมาตราการควบคุมต่างๆ ออกมาอยู่เสมอ ทำให้องค์กรต้องปรับตัวอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อการทำงานของพนักงาน องค์กรจึงต้องมีแผนรับรองเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
4. ความตั้งใจขององค์กร
เมื่อองค์กรมีความตั้งใจที่จะดูแล ใส่ใจพนักงาน พนักงานย่อมรับรู้ได้ค่ะ และเมื่อเขารับรู้เขาก็จะตอบแทนด้วยผลงานและความจงรักภักดี
ถ้าถามแองจี้ว่าหัวใจสำคัญในการบริหารพนักงานช่วงวิกฤตคืออะไร แองจี้ตอบได้เลยค่ะว่านอกจากการมีผู้นำที่แข็งแกร่ง ทีมงานที่ดี และแผนงานที่ดีแล้ว 4 ข้อข้างบนถือเป็นแต้มต่อให้เราเป็นอย่างมากเมื่อถึงเวลาที่วิกฤตมาเยือนค่ะ