เมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่างองค์กรระดับโลก และองค์กรในประเทศไทย คงจะไม่พูดถึงเรื่องของการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งานภายในสายงานบริหารบุคลากรหรือ HR ไม่ได้
หากท่านที่ใช้ AI เป็น หรือคนที่ตามกระแสมาบ้างจะเห็นได้ชัดเจนว่าองค์กรระดับโลกนั้นมีความแตกต่างจากเราไม่มาก องค์กรในประเทศไทยเอง หากตั้งใจ และจริงจังในเรื่องเทคโนโลยี AI ให้มากยิ่งขึ้นโอกาสก้าวสู่ระดับโลกเองก็อยู่ไม่ไกล
โลกยุคปัจจุบันกำลังเคลื่อนไปสู่การใช้งาน AI ในทุกด้านของธุรกิจ มีรายงานที่ชี้ให้เห็นว่ามีมากกว่า 60% ขององค์กรระดับโลกที่ได้เริ่มใช้ AI ในการทำงานอย่างกว้างขวางแล้ว ไม่ว่าจะ Samsung Uber Mercedes Benz หรือ Canva ที่เพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานออกแบบเมื่อไม่กี่ปีนี้นั่นเอง จะเห็นได้ว่าการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วยในการดำเนินงานไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด หลายองค์กรได้เริ่มมองเห็นความสำคัญของการนำ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและ กระบวนการทำงานอื่นๆ
ในทางกลับกัน องค์กรในประเทศไทยก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนการรับรู้ และการปรับตัวกับการใช้งาน AI ในสายงาน HR อยู่ เราอาจเห็นว่ามีบางองค์กรที่ได้เริ่มใช้งาน AI ในบางส่วนของกระบวนการ อย่างเช่นการคัดเลือกบุคคลในกระบวนการสรรหา การประเมินผลการทำงาน หรือการจัดการฝึกอบรม แต่การนำเสนอ AI เข้าสู่ทุกขั้นตอนของงาน HR ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
แองจี้ว่ามันถึงเวลาแล้วค่ะ ที่องค์กรในประเทศไทยจะต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการนำ AI เข้ามาใช้งานอย่างจริงจังในสายงาน HR ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ลดความผิดพลาด และสร้างพฤติกรรมการทำงานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การนำเสนอ AI เข้าสู่สายงาน HR ในองค์กรในประเทศไทยไม่ใช่แค่เรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้งาน แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร การฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการใช้งาน AI และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงและพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีให้กับพนักงาน HR ทุกคนในองค์กร
ดังนั้น การที่องค์กรในประเทศไทยจะเริ่มนำ AI เข้ามาใช้งานอย่างจริงจังในสายงาน HR ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตขององค์กรในประเทศไทยให้เทียบเท่ากับองค์กรระดับโลกได้ในระยะยาวอีกเช่นกัน
