การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานเป็นสิ่งที่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการเติบโตของกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มแรงงานหลักในอนาคตอันใกล้ ข้อมูลจากการคาดการณ์แสดงให้เห็นว่า ภายในปี 2025 Gen Z จะเป็นกลุ่มแรงงานถึง 27% ของแรงงานทั้งหมด นั่นหมายความว่าองค์กรที่ไม่ปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับค่านิยมและความต้องการของคนรุ่นนี้ อาจตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการกลายเป็น “องค์กรตกยุค” ทั้งในด้านภาพลักษณ์และความสามารถในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูง
ความสำคัญของ Gen Z ในตลาดแรงงาน
Gen Z คือกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1996 พวกเขาเติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ทำให้มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง และมีความคิดสร้างสรรค์สูง ความสำคัญของ Gen Z ในตลาดแรงงานไม่ใช่เพียงแค่เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพในการทำงาน แต่ยังเป็นกลุ่มลูกค้าหรือผู้บริโภคหลักในอนาคตด้วย การที่องค์กรสามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของ Gen Z ได้อย่างตรงจุดจะสร้างความได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
ความคาดหวังและความต้องการของ Gen Z แตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆ พวกเขาไม่ได้มองหางานที่ให้แค่เงินเดือนและสวัสดิการเท่านั้น แต่ยังมองหางานที่มีความยืดหยุ่น มีความหมาย และได้รับการยอมรับในความหลากหลายทางความคิด พวกเขาต้องการสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปิดกว้างและเป็นมิตร รวมถึงการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะและความสามารถที่ตรงกับความสนใจของตนเอง
การที่องค์กรไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังเหล่านี้ได้ อาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจและเลือกที่จะลาออกจากงานไปยังองค์กรที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ดีกว่า ส่งผลให้องค์กรสูญเสียพนักงานที่มีศักยภาพและต้องเสียเวลาและทรัพยากรในการหาพนักงานใหม่มาทดแทน
กลยุทธ์การดึงดูดและรักษาพนักงาน Gen Z
เพื่อป้องกันการเป็น “องค์กรตกยุค” แองจี้ขอเสนอ 10 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้องค์กรของท่านสามารถรักษาและดึงดูดพนักงาน Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ก้าวตามเทคโนโลยีให้ทัน
Gen Z เติบโตมากับเทคโนโลยี การที่องค์กรนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการทำงานจะช่วยดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่และทำให้พวกเขารู้สึกว่าองค์กรไม่ล้าหลัง การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความยืดหยุ่นในการทำงานอีกด้วย เช่น การใช้ระบบคลาวด์ในการจัดเก็บข้อมูล การใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ในการประชุม หรือการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการบริหารจัดการโครงการ
2. ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงาน
สุขภาพจิตเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะในยุคที่ความเครียดจากการทำงานสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจของพนักงาน องค์กรควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนสุขภาพจิตของพนักงาน เช่น การจัดฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความเครียด การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรและสนับสนุนพนักงานในทุกด้าน
3. สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย
Gen Z ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและการยอมรับในความหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ และความเชื่อ การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคนจะช่วยเสริมสร้างความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการยอมรับจากองค์กร องค์กรควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ การป้องกันการกลั่นแกล้ง และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างต่อความหลากหลาย
4. องค์กรต้องเป็นที่ปรึกษา ไม่ใช่แค่เจ้านาย
การทำงานในยุคปัจจุบัน พนักงานรุ่นใหม่ต้องการมากกว่าคำสั่งจากเจ้านาย พวกเขาต้องการคำแนะนำและการสนับสนุนจากผู้บริหารที่สามารถเป็นที่ปรึกษาได้ด้วย องค์กรที่สามารถสร้างวัฒนธรรมที่ผู้บริหารมีบทบาทเป็นที่ปรึกษาจะช่วยให้พนักงานรู้สึกได้รับการสนับสนุนและสามารถพัฒนาทักษะและความสามารถได้เต็มที่ การมีที่ปรึกษาที่สามารถให้คำแนะนำได้ตรงตามความต้องการและความสามารถของพนักงานจะช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและมีความมั่นใจในการทำงาน
5. ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์และการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร Gen Z ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและความซื่อตรงในการทำงาน องค์กรที่มีวัฒนธรรมที่เน้นความซื่อสัตย์จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในพนักงานและทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองทำงานในที่ที่มีคุณค่าและความยุติธรรม การที่องค์กรมีการปฏิบัติตามหลักการนี้จะช่วยเสริมสร้างความภักดีของพนักงานและทำให้พวกเขามีความรู้สึกว่าตนเองมีบทบาทในการสร้างความสำเร็จขององค์กร
6. การฟีดแบคอย่างสม่ำเสมอ
Gen Z ต้องการการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและการฟีดแบคที่สม่ำเสมอเพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาตนเองได้ องค์กรควรสร้างระบบฟีดแบคที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการสนับสนุนและสามารถปรับปรุงการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง การฟีดแบคอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญและมีบทบาทในการพัฒนาองค์กร
7. มีความยืดหยุ่นทั้งด้านเวลางานและสถานที่
การทำงานแบบยืดหยุ่นเป็นสิ่งที่ Gen Z ให้ความสำคัญมาก การที่องค์กรสามารถเปิดโอกาสให้พนักงานจัดการเวลางานและสถานที่ทำงานได้ตามความสะดวกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากยิ่งขึ้น เช่น การอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้านหรือการมีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น การที่องค์กรมีนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นจะช่วยดึงดูดพนักงานที่ต้องการความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
8. มีนโยบายจัดการความเครียดและความเหนื่อยหน่าย
การที่องค์กรมีนโยบายที่ชัดเจนในการดูแลพนักงานที่เผชิญกับความเครียดและความเหนื่อยหน่ายเป็นสิ่งจำเป็น องค์กรควรมีระบบสนับสนุนที่สามารถช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการดูแลและสามารถฟื้นฟูพลังงานในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดโปรแกรมฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะในการจัดการความเครียด การสนับสนุนการพักผ่อนระหว่างวัน และการจัดกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน
9. สนับสนุนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
การเรียนรู้และพัฒนาทักษะไม่ควรจำกัดเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร
เท่านั้น แต่ควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาตนเองในด้านที่พวกเขาสนใจด้วย การที่องค์กรสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นและความภักดีในพนักงาน เช่น การจัดโปรแกรมการเรียนรู้ออนไลน์ การสนับสนุนการเข้าร่วมสัมมนาและการฝึกอบรม หรือการจัดให้มีโครงการการศึกษาต่อเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถในด้านต่างๆ
10. มีเป้าหมายที่ชัดเจน
องค์กรที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนและให้พนักงานมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายนั้นจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีบทบาทสำคัญในการสร้างความสำเร็จขององค์กร การที่พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและเป้าหมายขององค์กรจะช่วยเสริมสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับองค์กรและเพิ่มความมุ่งมั่นในการทำงาน เช่น การจัดประชุมร่วมกับพนักงานในการกำหนดเป้าหมายและทิศทางขององค์กร หรือการสร้างแรงจูงใจในการทำงานโดยการมีระบบรางวัลที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร
ความยั่งยืนในการบริหารงานคนรุ่นใหม่
การบริหารจัดการพนักงาน Gen Z ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนในองค์กรอีกด้วย เพราะเมื่อองค์กรสามารถดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูงได้ องค์กรก็จะสามารถขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จได้ในระยะยาว
การที่องค์กรสามารถสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นใหม่กับเป้าหมายขององค์กรจะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ และเมื่อพนักงานรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการยอมรับ พวกเขาก็จะมีความภักดีต่อองค์กรและพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
บทสรุป
ในปี 2025 ที่กำลังจะมาถึง คนรุ่น Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มแรงงานหลักในตลาดแรงงานโลก และองค์กรที่สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างแรงงานนี้จะสามารถดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูงได้ ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง
การปรับเปลี่ยนวิธีบริหารงานและวัฒนธรรมองค์กรให้สอดคล้องกับค่านิยมและความต้องการของ Gen Z ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรต้องดำเนินการ หากไม่ต้องการถูกทิ้งไว้ข้างหลังในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
อย่ารอให้ถึงวันที่ทุกองค์กรปรับตัว ยกเว้นองค์กรเรา เพราะนั่นหมายความว่าองค์กรเรา [ตกยุค] เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น การเริ่มเปลี่ยนแปลงและปรับตัวตั้งแต่วันนี้คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรของท่านยังคงเป็นที่ยอมรับในตลาดและสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาร่วมงานได้
📌อย่าลืมติดตามเพจ HR Solutions By Angie เพื่อรับข้อมูลและเคล็ดลับดีๆ สำหรับ HR รุ่นใหม่กันนะคะ
HRSolutionsByAngie #HR #HRSolutions #GenZ #คนรุ่นใหม่