การทำงานล่วงเวลาเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่มักนำไปสู่การฟ้องร้องระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง บ่อยครั้งที่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ค่าล่วงเวลา” หรือ OT (Overtime) ก่อให้เกิดข้อพิพาททางกฎหมายได้ การรู้จักประเภทของงานที่ไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาและเข้าใจสิทธิและหน้าที่ที่ชัดเจนจะช่วยให้นายจ้างสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องครับ
ทำไมค่าล่วงเวลาถึงสำคัญ?
“ค่าล่วงเวลา” คือค่าตอบแทนที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับลูกจ้างที่ทำงานเกินเวลาทำงานปกติ แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกประเภทงานที่จะต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ซึ่งหากนายจ้างสามารถระบุได้ชัดเจนว่างานใดบ้างที่ไม่ต้องจ่าย จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและป้องกันข้อพิพาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า 9 ประเภทงานที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ตามกฎหมายแรงงานไทยนั้นมีอะไรบ้าง
1. ลูกจ้างที่มีอำนาจหน้าที่แทนนายจ้างในการตัดสินใจเรื่องการจ้างงาน
ลูกจ้างที่มีหน้าที่แทนในการตัดสินใจเรื่องการจ้าง การให้บำเหน็จ การเลิกจ้าง หรือการลดค่าจ้าง ถือเป็นผู้แทนของนายจ้างโดยตรง ซึ่งหมายความว่า ลูกจ้างประเภทนี้ไม่ต้องได้รับค่าล่วงเวลาจากการทำงานนอกเวลา เพราะพวกเขาเป็นตัวแทนในการตัดสินใจเชิงบริหารที่สำคัญต่อองค์กร
2. พนักงานขายสินค้าที่ได้รับค่านายหน้า
ลูกจ้างที่ทำงานเร่ขายสินค้าหรือชักชวนลูกค้าเพื่อทำการขาย โดยที่ได้รับค่านายหน้าเป็นการตอบแทน จะไม่จำเป็นต้องได้รับค่าล่วงเวลา อย่างไรก็ตาม นายจ้างต้องระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการจ่ายค่านายหน้าอย่างชัดเจนในสัญญาจ้างงาน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งในอนาคต
3. พนักงานในขบวนรถไฟ
งานที่ทำบนขบวนรถไฟ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของรถไฟ ไม่ถือเป็นงานที่ต้องได้รับค่าล่วงเวลา เนื่องจากเป็นงานที่มีลักษณะเฉพาะตัวและไม่สามารถกำหนดเวลาแน่นอนได้
4. พนักงานที่เปิด-ปิดประตูน้ำหรือระบายน้ำ
งานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมประตูน้ำ การเปิดหรือปิดประตูน้ำ รวมถึงการระบายน้ำ ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าล่วงเวลา เนื่องจากเป็นงานที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษแต่ไม่ได้ทำงานเป็นเวลาต่อเนื่อง
5. พนักงานอ่านระดับน้ำและวัดปริมาณน้ำ
การอ่านระดับน้ำหรือการวัดปริมาณน้ำเป็นงานที่มีลักษณะเฉพาะทาง การทำงานในลักษณะนี้มักมีเวลาและเงื่อนไขการทำงานที่ไม่สม่ำเสมอ จึงไม่ต้องมีการจ่ายค่าล่วงเวลา
6. พนักงานดับเพลิงหรืองานป้องกันอันตรายสาธารณะ
ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสายงานป้องกันอัคคีภัยหรือการป้องกันอันตรายสาธารณะ เช่น หน่วยดับเพลิง ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าล่วงเวลา เนื่องจากการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่สามารถคาดการณ์ได้
7. พนักงานที่ทำงานนอกสถานที่
ลูกจ้างที่มีลักษณะงานต้องออกไปทำงานนอกสถานที่เป็นประจำ และไม่สามารถกำหนดเวลาทำงานได้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าล่วงเวลา แต่ควรทำข้อตกลงที่ชัดเจนเกี่ยวกับเวลาทำงานและหน้าที่ของพนักงาน
8. พนักงานที่เฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สิน
พนักงานที่มีหน้าที่เฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินที่ไม่ใช่หน้าที่หลักตามปกติของพวกเขา ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าล่วงเวลา แต่สามารถระบุเงื่อนไขการทำงานเพิ่มเติม เช่น การจ่ายค่ากะหรือค่าตอบแทนอื่นๆ ได้
9. งานอื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
นอกจากนี้ ยังมีประเภทงานอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ไม่จำเป็นต้องได้รับค่าล่วงเวลา ซึ่งนายจ้างควรศึกษากฎระเบียบอย่างละเอียดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
แล้วนายจ้างยังต้องจ่ายค่าตอบแทนอื่นๆ หรือไม่?
ถึงแม้ว่างานเหล่านี้จะไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลา แต่นายจ้างยังต้องจ่ายค่าตอบแทนตามชั่วโมงการทำงานในวันทำงานปกติ และในกรณีที่ลูกจ้างทำงานในวันหยุด นายจ้างจำเป็นต้องจ่ายค่าทำงานในวันหยุดในอัตรา 2 เท่าของค่าจ้างปกติค่ะ
การเข้าใจประเภทของงานที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าล่วงเวลาจะช่วยให้นายจ้างสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดข้อพิพาททางกฎหมาย แองจี้หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นายจ้างทุกท่านมีความมั่นใจในการบริหารงานและพร้อมรับมือกับข้อเรียกร้องจากลูกจ้างอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
หลักสูตรกฎหมายแรงงานภาคปฏิบัติสำหรับผู้จัดการและ HR
การันตีเรียนจบเข้าใจทุกกฎหมายแรงงานที่องค์กรควรรู้ ลดเวลาในการไปศึกษาเอง ช่วยให้เข้าใจหลักการสำคัญและการนำไปปรับใช้ในกรณีศึกษาต่างๆ กว่า 30 กรณีศึกษา
รับรองได้ว่าเรียนจบท่านจะตอบคำถามแรงงานได้อย่างมั่นใจ!
เรียนซ้ำตลอดชีพได้อีก คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้ว
ลงทะเบียนวันนี้เพียง 3,950 บาทเท่านั้น
📌อย่าลืมติดตามเพจ HR Solutions By Angie เพื่อรับข้อมูลและเคล็ดลับดีๆ สำหรับ HR รุ่นใหม่กันนะคะ
#HRSolutionsByAngie #HR #HRSolutions #พนักงาน #บริหารคน #ค่าล่วงเวลา #โอที #OT #กฎหมายแรงงาน