ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา Work From Home (WFH) หรือการทำงานจากที่บ้านกลายเป็น New Normal ที่หลายบริษัทปรับใช้ เพราะพิสูจน์แล้วว่าพนักงานยังคงทำงานได้ดีแม้อยู่บ้าน แถมยังช่วยลดต้นทุน ลดเวลาเดินทาง และเพิ่ม Work-life Balance
แต่ทำไมตอนนี้บริษัทหลายแห่งกลับเริ่ม “เรียกพนักงานกลับออฟฟิศ” อีกครั้ง นี่คือคำถามที่พนักงานและคนที่กำลังหางานหลายคนสงสัย
บางองค์กรสูญเสียคะแนนยอดนิยมในการดึงดูดและรักษาคนเก่งไปเพียงเพราะคำว่า
“เข้าออฟฟิศ” “ไม่มี WFH”
แองจี้อยากบอกว่าเทรนด์นี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในไทยค่ะ หลายองค์กร เช่น Google, Amazon, Tesla, JPMorgan กำลัง “Rollback” นโยบาย WFH และกลับมาเน้นการทำงานในออฟฟิศมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็บังคับ Hybrid Work แบบมีวันเข้าออฟฟิศแน่นอน
แต่เหตุผลที่แท้จริงของการเรียกพนักงานกลับออฟฟิศคืออะไร วันนี้เราจะมาคุยกันค่ะ
- ประสิทธิภาพการทำงานที่วัดผลยากขึ้น
แม้ว่า WFH จะช่วยเพิ่ม Productivity สำหรับบางงาน แต่ก็มีปัญหาเรื่อง การติดตามผลลัพธ์ หลายบริษัทพบว่า งานที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน และนวัตกรรมลดลง เพราะขาดการสื่อสารแบบ Face-to-Faceอย่าง Elon Musk เองเคยกล่าวว่า “WFH ทำให้บริษัทขาดวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน” และนั่นคือเหตุผลที่ Tesla และ Twitter บังคับพนักงานกลับออฟฟิศ - การควบคุมวัฒนธรรมองค์กร
เมื่อพนักงานกระจายตัวอยู่ที่บ้าน วัฒนธรรมองค์กรเริ่มอ่อนแอ หลายบริษัทต้องการให้พนักงานกลับมาเพื่อสร้างความเป็นทีม กระตุ้นแรงจูงใจ และรักษาเอกลักษณ์ขององค์กรเอาไว้CEO ของ JPMorgan เคยระบุว่า “WFH ทำให้พนักงานใหม่เรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมองค์กรได้ยากขึ้น” - บางตำแหน่งยังต้องพึ่งพาการทำงานในออฟฟิศ
แม้ WFH จะเวิร์คสำหรับบางอาชีพ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกตำแหน่ง เช่น งานที่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง งานที่ต้องดูแลลูกค้า หรือแม้แต่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องมีการประชุมอย่างเข้มข้นฝ่ายการเงิน ฝ่ายวิศวกรรม หรืองานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลับของบริษัท มักไม่สามารถทำจากที่บ้านได้เต็มรูปแบบ - พนักงานบางส่วนสูญเสีย Work Discipline
หนึ่งในข้อกังวลของผู้บริหารคือ “Productivity Theater” หรือการแสดงให้ดูเหมือนยุ่ง แต่จริงๆ แล้วงานไม่ได้เดินหน้าเท่าที่ควร บริษัทบางแห่งพบว่า การขาดโครงสร้างและตารางเวลาที่แน่นอนทำให้บางคนมีประสิทธิภาพลดลงมีงานวิจัยระบุว่า พนักงานที่ไม่มีตารางเวลาชัดเจนและทำงานจากที่บ้านนานๆ อาจเกิดปัญหาการผัดวันประกันพรุ่ง - ลดความซับซ้อนของการบริหารทีม
WFH ทำให้ HR และผู้จัดการต้องปรับตัวไปใช้เทคโนโลยีการบริหารคนแบบใหม่ เช่น Remote Performance Review หรือ Virtual Training ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างในการสื่อสารและการพัฒนาทีมบริษัทที่มี Hybrid Workforce ต้องเผชิญปัญหาในการสร้างความเท่าเทียมระหว่างพนักงานที่เข้าออฟฟิศและพนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน
พออ่านถึงตรงนี้ หลายท่านคงเกิดคำถามว่า…
แล้วอนาคตของ WFH จะเป็นยังไง?
ถึงแม้หลายบริษัทจะเริ่มเรียกพนักงานกลับออฟฟิศ แต่ WFH คงไม่ได้หายไปทั้งหมด แนวโน้มที่ชัดเจนคือ “Hybrid Work” หรือการทำงานแบบผสมผสาน จะเป็นมาตรฐานใหม่ของโลกการทำงาน
- Hybrid Work เป็นทางสายกลาง บริษัทจะกำหนดวันเข้าออฟฟิศ 2-3 วันต่อสัปดาห์
- Remote-First ยังคงอยู่สำหรับบางสายงาน เช่น Tech, Digital Marketing, Creative Industry ยังไปทาง Remote Work มากกว่า
- Flexible Work Policy กำลังเป็นที่นิยม องค์กรเริ่มให้พนักงานมีอิสระในการเลือกวิธีทำงานที่เหมาะสม
แล้วองค์กรควรทำยังไงต่อ?
ถ้าท่านเป็น HR หรือเจ้าของธุรกิจ การบังคับให้พนักงานเข้าออฟฟิศโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนอาจทำให้เสียพนักงานเก่งๆ ไปได้ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ
- กำหนดนโยบายที่ยืดหยุ่น และเหมาะสมกับธรรมชาติของธุรกิจ
- สร้างแรงจูงใจให้คนอยากเข้าออฟฟิศ เช่น การออกแบบพื้นที่ทำงานที่ดึงดูดใจ หรือจัดกิจกรรมที่ช่วยให้พนักงานเห็นคุณค่าในการมาเจอเพื่อนร่วมงาน
- ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ Hybrid Work มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบ Collaboration Tools, Performance Tracking และ Employee Engagement Platform
WFH อาจจะไม่ได้หายไป แต่รูปแบบการทำงานกำลังปรับตัวสู่ Hybrid Work มากขึ้น องค์กรที่ปรับตัวได้เร็วและเข้าใจความต้องการของพนักงานจะได้เปรียบในยุคนี้
แล้วท่านคิดว่า WFH ควรจะอยู่ต่อไป หรือถึงเวลาที่ทุกคนควรกลับออฟฟิศแล้ว🤔
_____________
📌อย่าลืมติดตามเพจ HR Solutions By Angie เพื่อรับข้อมูลและเคล็ดลับดีๆ สำหรับ HR รุ่นใหม่กันนะคะ
Website 👉 https://hrsolutionsbyangie
สนใจปรึกษาปัญหาเรื่อง ‘คน’ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Inbox หรือ โทร. 065 563 6978
และสถาบันหลักสูตรสำหรับ HR ที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านงาน HR มามากกว่า 25 ปี
.
#HRSolutionsByAngie #HR #HRSolutions #พนักงาน #บริหารคน #WFH #HybridWork #FutureOfWork #HR #WorkplaceTransformation
